ตรรกศาสตร์
บทนิยาม ประพจน์ คือ ประโยค
หรือข้อความที่อยู่ในรูปแบบประโยคบอกเล่า
หรือประโยคปฏิเสธ
ที่เป็นจริงหรือเป็นเท็จอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น
• เชียงใหม่เป็นจังหวัดทางภาคใต้ → เป็นประพจน์
เพราะเป็นประโยคบอกเล่าที่เป็นเท็จ
• ใครทำจานแตก → ไม่เป็นประพจน์
เพราะเป็นประโยคคำถามและบอกไม่ได้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ
• -1 ไม่เป็นจำนวนเต็มบวก → เป็นประพจน์ เพราะเป็นประโยคปฏิเสธที่มีค่าความจริงเป็นจริง
นั่นคือ ประโยคคำถาม คำสั่ง ขอร้อง คำอุทาน
หรือประโยคที่ไม่สามารถระบุค่าความจริงได้ ไม่เป็นประพจน์
1.ตัวเชื่อมประพจน์
"และ"
การเชื่อม p และ q เข้าด้วยกันด้วยตัวเชื่อมประพจน์
"และ" สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ p ∧
q ซึ่งจะมีค่าความจริงเป็นจริง
(T) เมื่อ p และ q มีค่าความจริงเป็นจริง (T) ทั้งคู่
นอกนั้นมีค่าความจริงเป็นเท็จ (F)
2. ตัวเชื่อมประพจน์ "หรือ"
2. ตัวเชื่อมประพจน์ "หรือ"
การเชื่อม p และ q เข้าด้วยกันด้วยตัวเชื่อมประพจน์
"หรือ" สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ p ∨q
ซึ่งจะมีค่าความจริงเป็นเท็จ
(F) เมื่อ p และ q มีค่าความจริงเป็นเท็จ (F) ทั้งคู่
นอกนั้นมีค่าความจริงเป็นจริง (T)
3. ตัวเชื่อมประพจน์ "ถ้า...แล้ว"
การเชื่อม p และ q เข้าด้วยกันด้วยตัวเชื่อมประพจน์
"ถ้า...แล้ว" สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ p → q ซึ่งจะมีค่าความจริงเป็นเท็จ (F) เมื่อ p เป็นจริง (T) และ q เป็นเท็จ (F) นอกนั้นมีค่าความจริงเป็นจริง (T)
4. ตัวเชื่อมประพจน์ "ก็ต่อเมื่อ"
การเชื่อม p และ q เข้าด้วยกันด้วยตัวเชื่อมประพจน์
"ก็ต่อเมื่อ" สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ p ⇔
q ซึ่งจะมีค่าความจริงเป็นจริง
(T) เมื่อ p และ q มีค่าความจริงตรงกัน
และจะมีค่าความจริงเป็นเท็จ (F) เมื่อ p และ q มีค่าความจริงตรงข้ามกัน
5. นิเสธของประพจน์
นิเสธของประพจน์ใดๆ คือ
ประพจน์ที่มีค่าความจริงตรงกันข้ามกับประพจน์นั้นๆ และสามารถเขียนแทนนิเสธของ p ได้ด้วย ~p
ตารางแสดงค่าความจริงของประพจน์ที่มีตัวเชื่อม
p
|
q
|
p ∧ q
|
p ∨q
|
p → q
|
p ⇔ q
|
~p
|
~q
|
||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|
|
|
|
|
|
|
ประพจน์ที่สมมูลกัน
ประพจน์ 2 ประพจน์จะสมมูลกัน ก็ต่อเมื่อ
ประพจน์ทั้งสองมีค่าความจริงเหมือนกัน ทุกกรณีของค่าความจริงของประพจน์ย่อย
ตัวอย่างประพจน์ที่สมมูลกันที่ควรทราบ มีดังนี้
p ∧
q สมมูลกับ q ∧
p
p ∨
q สมมูลกับ q ∨ p
(p ∧
q) ∧ r สมมูลกับ p ∧
(q ∧ r)
(p ∨
q) ∨ r สมมูลกับ p ∨
(q ∨ r)
p ∧
(q ∨ r) สมมูลกับ (p ∧
q) ∨ ( p ∧ r)
p ∨
(q ∧ r) สมมูลกับ (p ∨
q) ∧ ( p ∨ r)
p → q สมมูลกับ ~p ∨ q
p → q สมมูลกับ ~q → ~p
p ⇔
q สมมูลกับ (p → q) ∧
(q → p)
ประพจน์ที่เป็นนิเสธกัน
ประพจน์ 2 ประพจน์เป็นนิเสธกัน ก็ต่อเมื่อ
ประพจน์ทั้งสองมีค่าความจริงตรงข้ามกันทุกกรณีของค่าความจริงของประพจน์ย่อย
ตัวอย่างประพจน์ที่เป็นนิเสธกันที่ควรทราบ มีดังนี้
~(p ∧ q) สมมูลกับ ~p ∨ ~q
~(p ∨
q) สมมูลกับ ~p ∧
~q
~(p → q) สมมูลกับ p ∧
~q
~(p ⇔
q) สมมูลกับ (p ⇔
~q) ∨(q ⇔ ~p)
~(p ⇔
q) สมมูลกับ (p ∧
~q) ∨ ( q ∧~p)
พิสูจน์
จะเห็นว่า
p ∧ q สมมูลกับ q ∧ p
~(p
∧ q)
สมมูลกับ ~p ∨ ~q เป็นนิเสธของ p ∧ q
สัจนิรันดร์
ประพจน์ที่เป็นสัจนิรันดร์
คือ ประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็นจริง ทุกกรณีของประพจน์ย่อย
ตัวอย่างประพจน์ที่เป็นสัจนิรันดร์ที่ควรทราบ มีดังนี้
p ∨ ~q [
~p ∧ ( p ∨ q)] → q
~(p ∧ ~q) [
( p → q) ∧
~q ] → ~p
(p ∧ q) → p (p ∧ q) ⇔
(q ∧ p)
(p ∧ q) → q (p ∨ q) ⇔
(q ∨ p)
p → (p ∨
q) (p → q) ⇔
(~p ∨ q)
q → (p ∨
q) (p → q) ⇔
(~q → ~p)
[ p ∧ ( p → q)] → q (~p
∨ q) ⇔ (~q → ~p)
[ ~p ∧ ( p → q)] → ~q ( p ⇔ q) ⇔
[(p → q) ∧
(q → p)]
ข้อสังเกต ประพจน์ที่สมมูลกัน
เมื่อนำมาเชื่อมด้วยตัวเชื่อม ⇔ จะได้ประพจน์ใหม่ซึ่งเป็นสัจนิรันดร์
นั่นคือ ถ้า A และ B สมมูลกันแล้ว A ⇔
B เป็นสัจนิรันดร์
ประโยคเปิด
บทนิยาม
ประโยคเปิด คือ ประโยคบอกเล่า
หรือประโยคปฏิเสธที่ประกอบด้วยตัวแปรทำให้ไม่เป็นประพจน์
และเมื่อแทนที่ตัวแปรด้วยสมาชิกในเอกภพสัมพัทธ์แล้วจะได้ประพจน์
เราสามารถเขียนแทนประโยคเปิดที่ประกอบด้วยตัวแปร
x ด้วยสัญลักษณ์ P(x)
หรือ Q(x)
และเขียนแทนประโยคเปิดที่ประกอบด้วยตัวแปร
x และ y ด้วยสัญลักษณ์ P(x,y)
หรือ Q(x,y)
ตัวอย่างเช่น
• เขาเป็นคนดี ⇒
เป็นประโยคเปิดที่ประกอบด้วยตัวแปร
“เขา”
• x > 3 ⇒
เป็นประโยคเปิดที่ประกอบด้วยตัวแปร
“x”
ตัวบ่งปริมาณ
ตัวบ่งปริมาณ เป็นตัวระบุจำนวนสมาชิกในเอกภพสัมพัทธ์ที่ทำให้ประโยคเปิดกลายเป็นประพจน์
ตัวบ่งปริมาณมี 2 ชนิด คือ
1. ตัวบ่งปริมาณที่กล่าวถึง
“สมาชิกทุกตัวในเอกภพสัมพัทธ์”
ซึ่งเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ “∀” อ่านว่า”สำหรับสมาชิก x ทุกตัว”
2. ตัวบ่งปริมาณที่กล่าวถึง “สมาชิกบางตัวในเอกภพสัมพัทธ์
ซึ่งเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ “∃” อ่านว่า “สำหรับสมาชิก x บางตัว”
ค่าความจริงของประพจน์ที่มีตัวบ่งปริมาณ
1. ∀x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นจริง เมื่อ x ทุกตัวในเอกภพสัมพัทธ์ทำให้ P(x)
เป็นจริง
2. ∀x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อมี x อย่างน้อย 1 ตัวที่ทำให้ P(x)
เป็นเท็จ
3. ∃x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นจริง เมื่อมี x อย่าน้อย 1 ตัวที่ทำให้ P(x)
เป็นจริง
4. ∃x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อไม่มี x ใดๆ ในเอกภพสัมพัทธ์ที่ทำให้ P(x)
เป็นจริง
นิเสธของประพจน์ที่มีตัวบ่งปริมาณ
~∀x[P(x)] สมมูลกับ ∃x[~P(x)]
~∃x[P(x)] สมมูลกับ ∀x[~P(x)]
~∀x[~P(x)] สมมูลกับ ∃x[P(x)]
~∃x[~P(x)] สมมูลกับ ∀x[P(x)]
ตัวอย่างเช่น
• ∀x[x < 0] เมื่อ u = เซตของจำนวนเต็ม
มีค่าความจริงเป็นเท็จ เพราะเมื่อแทน x เป็นจำนวนเต็มบวกและศูนย์ จะทำให้ x
< 0 เป็นเท็จ
• ∃x[x < 0]เมื่อ u = เซตของจำนวนเต็ม
มีค่าความจริงเป็นจริง เพราะเมื่อแทน x เป็นจำนวนเต็มลบ จะทำให้ x
< 0 เป็นจริง
การอ้างเหตุผล คือ การอ้างว่า "สำหรับเหตุการณ์ P1,
P2,..., Pn ชุดหนึ่ง
สามารถสรุปผลที่ตามมา C ได้"
การอ้างเหตุผลประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
1. เหตุ หรือสิ่งที่กำหนดให้
2. ผล หรือสิ่งที่ตามมา
สำหรับการพิจารณาว่า
การอ้างเหตุผลนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่นั้นพิจารณาได้จากประพจน์ ( P1 ∧
P2 ∧ ... Pn) → C ถ้าประพจน์ดังกล่าวมีค่าความจริงเป็นจริงเสมอ
(เป็นสัจนิรันดร์) เราสามารถสรุปได้ว่าการอ้างเหตุผลดังกล่าวเป็นการอ้างที่สมเหตุสมผล
ตัวอย่างเช่น เหตุ 1. p → q
2. p
ผล q
การทำประโยคบอกเล่าให้เปนประโยคตรรกศาสตรคืออะไรครับ
ตอบลบ